จัดพอร์ตกองทุนรวม วัยไหนควรลงทุนอย่างไร?

คนรอบตัวพี่วัวหลายคนชอบลงทุนกองทุนรวมมากเลยครับ พวกเขาให้เหตุผลง่ายๆ ว่า “ได้ผลตอบแทนดีกว่า” “สมัยนี้ซื้อขายสะดวกมาก” 

การลงทุนกองทุนรวมเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะสมัยนี้เราซื้อขายกันได้ง่ายกว่าเดิม ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดีด้วย ดังนั้นการจัดพอร์ตกองทุนรวมจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก วันนี้พี่วัวเลยมีคำแนะนำเรื่องการจัดพอร์ตกองทุนรวมมาฝากทุกคน โดยเราจะแบ่งสัดส่วนและประเภทออกตามช่วงอายุกัน

ทำไมควรปรับพอร์ตกองทุนรวมตามช่วงอายุ?

อายุมีผลกับการลงทุนมาก พี่วัวอยากให้ลองนึกภาพวัยเด็กของเรา ตอนนั้นเรามีพลังล้นเหลือ วิ่งเล่นได้ทั้งวัน ถึงล้มก็แค่ร้องงอแงแล้วก็อยากไปวิ่งเล่นต่อ พอโตขึ้นมาเป็นวัยทำงาน เราก็เริ่มมีความรู้และประสบการณ์มากขึ้น อยากลองและกล้าเสี่ยง แต่พอแก่ตัว เราเริ่มอยากมีความมั่นคงในชีวิตและไม่กล้าเสี่ยงเท่าเดิม 

การลงทุนก็เช่นกัน แต่ละช่วงชีวิตก็มีความรับผิดชอบ ความสามารถในการรับความเสี่ยง และความสามารถในการหาเงินที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรามาดูกันว่าช่วงวัยไหนควรจัดพอร์ตลงทุนรวมกันอย่างไร?

1.วัยเริ่มทำงาน อายุ 20-30 ปี

วัยนี้เหมือนนักวิ่งมาราธอนที่เพิ่งออกสตาร์ท! เรามีเวลาและพลังเยอะ ถ้าล้มก็ลุกได้ไว ดังนั้นเราสามารถรับความเสี่ยงได้มาก

คำแนะนำของพี่วัวคือ ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเป็นหลักประมาณ 80% ของพอร์ต ส่วนอีก 20% เก็บไว้ในกองทุนตราสารหนี้

พี่วัวแนะนำแบบนี้ เพราะเรายังเสี่ยงไหว กองทุนรวมหุ้นแม้จะเสี่ยงสูง แต่ก็ได้ผลตอบแทนสูง ยิ่งถ้าคุณรับความเสี่ยงได้มาก คุณสามารถเลือกเป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเลยก็ได้ กองทุนนี้ถึงจะเสี่ยงกว่า แต่ผลสอบแทนก็สูงมากกว่าเช่นกัน 

ส่วนพอร์ตอีก 20% เราควรเน้นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อทำให้พอร์ตสมดุลขึ้น พี่วัวจึงแนะนำเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน

2.วัยกลางคน อายุ 30-50 ปี

วัยนี้เปรียบเหมือนนักวิ่งที่วิ่งมาได้ครึ่งทางแล้ว หลายคนเริ่มมีภาระ หลายคนเริ่มสร้างครอบครัว มีบ้าน มีรถ เราจึงต้องการสมดุลระหว่างการเติบโตและความมั่นคง

คำแนะนำของพี่วัวคือ ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น 60% และกองทุนตราสารหนี้ 40%

สัดส่วนที่เปลี่ยนไปนี้ก็เหมือนกับเราปรับสูตรอาหาร เราต้องเติมอาหารสุขภาพเข้าไปบ้าง เพื่อดูแลสุขภาพของเราในระยะยาว ดังนั้นจึงเพิ่มสัดส่วนกองทุนรวมที่มีความมั่นคงมากขึ้นจากเดิม 20% ก็เพิ่มเป็น 40%

3.วัยใกล้เกษียณ อายุ 50-60 ปี

วัยนี้เปรียบเหมือนนักวิ่งที่เห็นเส้นชัยอยู่ไม่ไกล เราต้องการความแน่นอนมากขึ้น ไม่อยากเสี่ยงให้เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหายไปตอนใกล้เกษียณ เพราะถ้าเรารักษาเงินที่เก็บมาไว้ไม่อยู่ โอกาสที่จะหาคืนกลับมาได้นั้นแทบจะยากมากจนอาจเป็นไปไม่ได้เลย

คำแนะนำของพี่วัวคือ ลดสัดส่วนกองทุนรวมหุ้นลงเหลือ 40% และเพิ่มกองทุนตราสารหนี้เป็น 60%

4.วัยเกษียณ อายุ 60 ปีขึ้นไป

วัยนี้เปรียบเหมือนนักวิ่งที่วิ่งถึงเส้นชัยแล้ว! เราต้องการความมั่นคงและรายได้สม่ำเสมอเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราต้องลดความเสี่ยงที่จะเสียเงินต้นออกไปให้ได้มากที่สุด

คำแนะนำของพี่วัวคือ ลดสัดส่วนกองทุนรวมหุ้นเหลือแค่ 20% ส่วนอีก 80% เน้นกองทุนตราสารหนี้

กองทุนตราสารหนี้จะเป็นหลักประกันให้ได้ว่าเงินต้นเราจะไม่ลดลง ส่วนกองทุนรวมหุ้นก็เอาไว้เพิ่มผลตอบแทน

ทิ้งท้ายกันสักนิดว่า ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น เพราะทุกคนมีปัจจัย สภาพแวดล้อม และความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน สมมุติว่าพี่วัวอายุ 35 ปี แต่มีภาระรับผิดชอบเยอะ พี่วัวต้องดูแลครอบครัวแถมยังมีลูกอีก 2 คน พี่วัวก็อาจจะเลือกตัวเลขสัดส่วนของคนวัยใกล้เกษียณอย่างกองทุนรวมหุ้น 40% และกองทุนตราสารหนี้ 60% ก็ได้ เพราะพี่วัวไม่พร้อมรับความเสี่ยงที่จะต้องเสียเงินต้นที่เก็บสะสมเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก